เรียนภาษา ที่ เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

์เรียนภาษาที่เมลเบิร์น

ได้ฤกษ์ดีมาสรุปการไปเรียนภาษาที่ เมลเบิร์น แบบครบครันทุกเรื่องที่น้องๆหลายๆคนสงสัยว่าเมลเบิร์น ต่างจากเมืองอื่นๆยังไง พี่สรุปให้เป็น 6 หัวข้อ น้องสนใจเรื่องไหนสามารถเลือกอ่านกันได้เลยครับ

ข้อดีและข้อเสียของการเรียนที่ Melbourne

ข้อดี เมลเบิร์นเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากพอๆกับประชากรประเทศนิวซีแลนด์ทั้งประเทศ แต่กลับไม่วุ่นวาย หรือพลุกพล่านเท่าซิดนีย์ แถมเมืองยังมีความ Slow life และมีสถาปัตยกรรมที่เหมือนยุโรปเอามากๆเลยหล่ะ
ข้อดี เมลเบิร์นเป็นเมืองที่มีตัวเลือกโรงเรียนให้เลือกเยอะมากทั้งโรงเรียนสอนภาษา โรงเรียนDiploma หรือมหาวิทยาลัย
ข้อดี มีกิจกรรม คอนเสิร์ต และ Event เยอะมาก ตลอดทั้งปี ไม่มีช่วงไหนเลยที่เมลเบิร์นจะไม่มีงานเทศกาล น้องๆไม่มีทางเบื่ออย่างแน่นอน
ข้อดี สถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองเมลเบิร์นเยอะมาก เช่น Museum ต่างๆ, SEA LIFE Melbourne Aquarium, Graffiti ทั่วเมือง, Yara River, Crown Casino, Gallery แสดงงานศิลปะ เป็นต้น ถ้าเป็นนักเรียน หรือนักศึกษาจะได้รับส่วนลดในการเข้าชมด้วยนะ
ข้อดี มีร้านอาหารมากกว่า 2,300 แห่ง ทั้งภัตตาคาร ร้านอาหารเล็กๆ หรือคาเฟ่ ไม่ต้องกลัวคิดถึงอาหารบ้านด้วย เพราะร้านอาหารไทยมีมากกว่า400ร้าน รสชาติไม่ต่างจากที่ไทยเลยจะต่างแค่ราคาแพงกว่าเท่านั้นเอง
ข้อดี การเดินทางสะดวก เมลเบิร์นมีระบบขนส่งที่ดีมากๆ ทั้งรถราง รถไฟ และรถโดยสายประจำทาง
ข้อเสีย อากาศครบ 4 ฤดู แต่วันนึงน้องอาจจะเจอทั้งฝนตก อากาศหนาว ลมแรง และแดดเปรี้ยง ซึ่งน้องๆต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอไม่งั้นอาจจะป่วยได้นะ

การเดินทางไปเรียนในเมือง Melbourne

จากตัวเมืองน้องๆสามารถไปที่ต่างๆได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาไม่กี่นาที น้องที่อยู่เมลเบิร์นส่วนใหญ่จะชอบ Tram (รถราง)เอามากๆ เพราะจะมี Free Tram Zone ถ้าน้องเลือกที่เรียนกลางเมืองอยู่แล้วน้องแทบจะไม่เสียค่าเดินทางเลย (Public transport in melbourne)

  • Train ให้บริการทุกๆ 60 นาทีจากสถานี Flinders Street Station ทุกสายยกเว้น Stony Point และ Flemington Racecourse (แผนผังTrain)
  • Tram (รถราง) เฉพาะสาย 19, 67, 75, 86, 96 และ 109 บริการทุก 30 นาที (แผนผังTram)
  • Bus ให้บริการทุกๆ 30 และ 60 นาที (แผนผังSkyBus)

บัตรเดินทาง Myki card เหมือนบัตร rabbit card บ้านเรา แต่บัตรนี้สามารถใช้ได้สำหรับการเดินทางทั่วเมลเบิร์นทั้งกับ Train, Tram, Bus (Metropolitan& Regional) แถมยังมีคิด Maximum ถ้าวันไหนน้องเดินทางเยอะๆ จะเสียแค่ประมาณ $8.60 ไม่ว่าจะขึ้นกี่รอบก็ตาม (สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟ หรือร้านสะดวกซื้อ ที่มีสัญลักษณ์ Myki)

Life style คนที่Melbourne

คนที่นั่นจะชิวมากๆ ส่วนใหญ่จะนั่งจิบกาแฟ หรือไม่ก็เดินเล่นไปตามที่เที่ยวต่างๆ อีกอย่างนึง คือ ที่เมลเบิร์นเป็นเมืองแห่งการช้อปปิ้งมากๆ น้องที่ชอบช้อปปิ้งเป็นงานอดิเรกอาจจะล้มละลายได้เลย แต่ควรช้อปปิ้งแค่พอประมาณนะคะ

ราคาและ ค่าใช้จ่ายการเรียนภาษา 6 เดือน และ 1 ปีที่ เมลเบิร์น

เงินก้อนแรกที่ต้องจ่ายสำหรับการเรียน 6 เดือน และ 1 ปี จะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เนื่องจากการเรียน 1 ปี สามารถขอแบ่งจ่ายค่าเรียนได้สองครึ่ง โดยแบ่งโรงเรียนเป็น 3 ประเภท (รวมค่าเรียน+ค่าสมัครเรียน+ค่าสื่อการสอน+ค่าประกันสุขภาพ+ค่าวีซ่า)

  • โรงเรียนราคาประหยัด ประมาณ 160,000-180,000 บาท
  • โรงเรียนระดับปานกลาง ประมาณ 185,000-220,000 บาท
  • เรียนภาษาในมหาวิทยาลัย ประมาณ 220,000-260,000 บาท

ค่าใช่จ่ายอื่นๆที่ต้องจ่าย

  • ค่าตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียว
    • แบบ Low Cost Airlines 8,000 – 13,000 บาท
    • แบบ Direct Flight 13,000 – 20,000+ บาท
  • ค่าตรวจสุขภาพ 3,500-4,000 บาท
  • ค่าแปลเอกสาร (แล้วแต่จำนวนเอกสารที่ต้องแปล)
  • ค่า GTE 1,500 บาท
  • ค่าที่พัก 4 สัปดาห์แรก (ถ้าพักกับแฟน หรือญาติก็ไม่ต้องเสียเงินส่วนนี้)
    • Homestay 4 สัปดาห์(รวมอาหารเช้า-เย็น) ประมาณ 40,000 – 42,000 บาท
    • Share house 4 สัปดาห์ ประมาณ 23,000 – 40,000 บาท (อาจถูกกว่านี้ถ้าห้องมีคน Share เยอะ)
    • ตัวอย่างค่าใช้จ่ายเรียน 6 เดือน และ 1 ปี

ค่าครองชีพสำหรับการไป เรียนภาษาที่เมลเบิร์น

ค่าอาหารต่อสัปดาห์สำหรับการกินอยู่แบบนักเรียน ประมาณ 1,200 บาท หรือ 50 AUD (ทำอาหารทานเอง หรือพกข้าวกล่องไปทานที่โรงเรียน) ถ้าทานข้าวร้านอาหารมื้อนึงไม่ต่ำกว่า 360 บาท หรือ 15 AUD รวมค่าใช้จ่ายต่อเดือนสำหรับน้องๆที่ทำอาหารทานเอง ตกเดือนละประมาณ 30,000 – 40,000 บาท หรือ 245 AUD

  • ตัวอย่างร้านอาหารราคาประหยัดที่เมลเบิร์น
  • ค่าเดินทางต่อสัปดาห์ ประมาณ 800+ บาท หรือ 35-38 AUD (หากน้องมีที่พักนอกเมือง แล้วมีการเดินทางเยอะมากๆ)
  • ค่ารักษาพยาบาล (ปกติน้องจะมีประกันสุขภาพ สามารถเบิกได้แต่อาจจะไม่สามารถเบิกได้ทั้งหมด ถ้าเกินวงเงินประกันสุขภาพส่วนที่เกินน้องจะต้องจ่ายเพิ่มเอง) พี่แนะนำว่าน้องไม่ควรป่วยบ่อย ทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ เพราะแค่ป่วยธรรมดา ค่ารับคำปรึกษาเบื้องต้นกับ GP ก็ประมาณ 800+ -1,700 บาท หรือ 35-70 AUD


 

โรงเรียนภาษา ที่น่าสนใจในเมลเบิร์น 

โรงเรียนภาษาราคาประหยัด
ราคาประมาณ 190-220 AUD/สัปดาห์

ข้อดี ราคาถูก
ข้อดี มีStaff คนไทย
ข้อเสีย จำนวนนักเรียนต่อห้องนึงเยอะ อาจจะทำให้การพัฒนาด้านภาษาไม่เร็วนัก น้องต้องกระตือรือร้นในการเรียนเป็นอย่างมาก
ข้อเสีย โปรแกรมสอนภาษาไม่หลากหลายนัก
ข้อเสีย นักเรียนไทยเยอะ

ตัวอย่างโรงเรียนภาษาราคาประหยัด Universal English, Melbourne/ Academia/ INUS Australia/ English Language School in Sydney (ELSIS)/ English Unlimited/ RGIT

โรงเรียนภาษาราคาปานกลาง
ราคาประมาณ 230-260 AUD/สัปดาห์

ข้อดี

  1. มีหลักสูตรที่ไม่เหมือนสถาบันอื่นที่คิดค้นมาเฉพาะสถาบันตัวเอง อย่างเช่นที่ Ability เป็นต้น
  2. มีนักเรียนต่อห้องไม่เกิน 15 คน/ ห้องเรียน
  3. นักเรียนไทยน้อย
  4. มีStaff คนไทย
  5. มีหลักสูตรการเรียนการสอนให้เลือกเยอะกว่า
  6. การเรียนการสอนสนุก ไม่เคร่งเครียดและน่าเบื่อจนเกินไป
  7. โรงเรียนมีสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยกว่า ใหม่กว่า เรียนภาษาในมหาวิทยาลัย
  8. ตัวอย่างโรงเรียนสอนภาษาระดับปานกลาง Ozford College/ Ability, Melbourne/ EC, Melbourne/ Holmes Institute, OHC Melbourne

เรียนภาษาในมหาวิทยาลัย และ TAFE ในเมลเบิร์น
ราคาประมาณ 260+ บาท

ข้อดี สามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในมหาวิทยาลัยได้ทั้งหมด
ข้อดี เครดิตของมหาวิทยาลัยจะดีกว่า แล้วมีความน่าเชื่อถือมากกว่า
ข้อดี การเรียนเคร่งเครียด ไม่สนุกเหมือนกับการเรียนในโรงเรียนสอนภาษา การบ้านจะเยอะมาก การเรียนการสอนจะเหมือนผู้ใหญ่
ข้อเสีย สภาพแวดล้อมอาจจะไม่ทันสมัยมากนัก
ข้อเสีย ราคาสูงกว่าโรงเรียนสอนภาษา

ตัวอย่างโรงเรียนภาษาในมหาวิทยาลัย Boxhill TAFE/ Deakin University/ Holmesglen TAFE/ Swinburne University English Language Centre

เรียน และ ทำงาน ในเมลเบิร์น

น้องที่ไปเรียน และทำงานที่เมลเบิร์น ส่วนใหญ่คอร์สเรียนที่เลือกเรียนกัน จะเรียนตอนเช้า 9:00 ถึง 14:30 น. แล้วไปทำงาน 16:30-22:00 น. งานที่ทำสำหรับน้องๆที่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษจะทำงานในร้านอาหารไทยที่เปิดตอนเย็นกัน ไม่ว่าจะเป็นล้างผัก หั่นผัก ล้างจาน อะไรต่างๆนานาที่ทำอยู่ในครัวต้องทำเป็นหมด แต่ถ้าเริ่มพูดภาษาอังกฤษได้แล้ว ก็จะสามารถทำงานอื่นๆ ได้ ค่าแรงก็จะมากขึ้นอีกด้วย

  • ตัวอย่าง งานพาร์ทไทม์ ในเมลเบิร์น ที่เด็กไทยทำกันเยอะๆ
    • ทำงานร้านอาหารไทย เพราะร้านอาหารไทยในเมลเบิร์นเยอะ มากกว่า 400 ร้าน
    • งานนวด (ระวังร้านนวดแบบแอบแฝง น้องต้องเลือกร้านทำงานดีๆนะ)
    • ขับรถส่งของ
    • รับทำความสะอาด
    • ถ้าน้องๆมีความสามารถด้านศิลปะ น้องสามารถนำผลงานของน้องไปขายได้ เพราะที่เมลเบิร์นคนชอบด้านศิลปะมาก
    • ทำอาหารกล่องขายคนไทยด้วยกัน
  • ตัวอย่างเว็บไซต์หางานในเมลเบิร์น
  • ตัวอย่าง ร้านอาหารไทยในเมลเบิร์น
  • วิธีสมัครงานร้านอาหารไทยแบบง่ายๆที่เมลเบิร์น
    • Walk-in เข้าไปที่หน้าร้านแล้วสมัครงาน
    • ควรสมัครไว้หลายๆร้านให้ได้เยอะที่สุด
    • เวลาในการสมัครงาน 00-17.30 น. ติด Resume ไปสัก 10-20 ใบ แล้วเว้นเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ไว้ ไปถึงแล้วเปิดเบอร์เสร็จ และมีที่พักแล้วค่อยเขียนเพิ่มเติมเข้าไป

ข้อสำคัญ การทำงานที่เก็บ TAX จะทำงานได้ไม่เกิน 40 ชั่วโมง/ 2 สัปดาห์ แต่ถ้าปิดเทอมอยู่สามารถทำได้ไม่จำกัดชั่วโมงค่ะ

ที่พักสำหรับนักเรียนใน เมลเบิร์น 

  • ที่พักมี 3 แบบ
    • Homestay เป็นบ้านที่มีโฮสดูแล แบบนี้โรงเรียนจะเป็นคนหาให้ ซึ่งถ้ามีปัญหาอะไรน้องๆสามารถแจ้งโรงเรียนได้ แต่ Homestay ก็จะมีกฎการอยู่อาศัย อาจจะไม่เคร่งนักถ้าโฮสใจดีก็ดีไป แต่แบบนี้จะอยู่ไกลจากตัวเมืองสักหน่อยซึ่งจะใช้เวลาเดินทาง 40-50 นาที
    • Student hose ลักษณะภายนอกคล้าย Share house แต่จะหลังใหญ่กว่า และจะมีกรรมการของบ้าน ซึ่งจะมีกฎเกณฑ์อย่างชัดเจน และมี Standard กว่า Homestay
    • Share house เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่มีคนเช่าห้องมา แล้วมาปล่อยเช่าต่อ โดยที่จะมีคนเช่าอยู่หลายๆคน เช่น 1 ห้องนอน อาจจะต้องแชร์กันอยู่ 2-3 คน เป็นต้น โดยผู้เช่าหลักจะเป็นคนกำหนดกฎ และคนที่อยู่ร่วมกับน้องก็จะมีอายุไล่เลี่ยกัน
  • เว็บไซต์หาที่พักในเมลเบิร์น

สนใจสอบถามข้อมูลเรื่องเรียน และทำวีซ่า
Line : @ated (มี @ ด้วยนะคะ)
Facebook : AtEducation
E-mail : gus@ateducation.co.th
Tel : 02-6514536085-349-7637

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *